เมื่อต้องเดินทางไปต่างประเทศ แน่นอนว่าสนามบิน ก็เป็นที่ที่เรายากจะหลีกเลี่ยงผู้คนที่พลุกพล่านได้ ฉะนั้นก่อนการเดินทาง เราควรมีการเตรียมตัวที่ดี เพื่อป้องกันตนเองจากเชื้อไวรัสโคโรน่า โดยเริ่มจากการเตรียมอุปกรณ์ป้องกันก่อนออกจากบ้าน วันนี้
ทัวร์เอ็กซ์เพรสเซ็นเตอร์ดอทคอม เอาวิธีป้องกันตัวจากไวรัสโคโรน่าง่ายๆ มาฝากดังนี้ค่ะ

1.หน้ากากอนามัยแบบใช้แล้วทิ้ง
2.แว่นตา 
3.เจลล้างมือ
4.ทิชชู ทั้งเปียกและแห้ง
5.สติ

ข้อควรปฏิบัติขั้นต้น เราควรปิดทุกช่องทางของร่างกาย ที่จะทำให้เราได้รับเชื้อโรคได้ และไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหน พยายามแต่งตัวให้มิดชิด

1.ควรปิด "จมูกและปาก" ให้มิดชิด

เมื่อก้าวเข้าสนามบิน ควรสวมใส่หน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธี ซึ่งขั้นตอนนี้ควรทำตั้งแต่ออกจากบ้าน และอย่าลืมเตรียมแมสค์สำรองติดตัวไปด้วย เพราะว่าแมสค์ต้องใช้แล้วทิ้ง ไม่ควรใช้ซ้ำ เนื่องจากอาจจะเป็นที่สะสมของเชื้อโรคได้ค่ะ เมื่อถอดแมสค์ตอนทานข้าว ควรทิ้งแมสค์อันเดิมไปทันที และเมื่อทานอาหารเสร็จแล้ว ควรล้างหรือทำความสะอาดมือด้วยเจล แล้วค่อยหยิบแมสค์อันใหม่มาใส่ค่ะ

2.ป้องกัน"ดวงตา"ด้วยการสวมใส่แว่นตา

เมื่อป้องกันในส่วนแรกไปแล้ว ส่วนที่สองก็สำคัญมากเช่นกัน นั่นก็คือ "ดวงตา" ของเรานั่นเอง เราควรสวมใส่แว่นตากันแดด แว่นตาแฟชั่น หรือแว่นอะไรก็ได้ ที่จะช่วยป้องกันละอองจากสารคัดหลั่ง ถึงแม้ว่าการติดเชื้อทางเยื่อบุตาจะเกิดขึ้นได้น้อย แต่เราควรป้องกันไว้ก่อนดีที่สุดค่ะ

3. "ล้างมือบ่อยๆ" เพื่อรักษาความสะอาด

มือเป็นอีกหนึ่งอวัยวะ ที่อาจจะนำพาเชื้อโรคมาสู่เราได้ ดังนั้นอีกหนึ่งสิ่งที่ควรพกเมื่อจะเดินทางไปสนามบิน ก็คือเจลล้างมือนั่นเอง การล้างมือบ่อยๆ รักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอนั้น จะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสได้เพราะจะช่วยลดการสะสมของเชื้อโรคนั่นเองหากเป็นไปได้ ให้หลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์สาธารณะ แต่หากเลี่ยงไม่ได้จริงๆ หลังจากหยิบจับสิ่งของต่างๆ ในสนามบิน ไม่ว่าจะเป็น รถเข็นกระเป๋า ราวจับ ราวทางเลื่อน หรืออะไรก็ตามแต่ก็ควรใช้เจลล้างมือทุกครั้ง หลังจับวัสดุอุปกรณ์ สาธารณะค่ะ

4.การใช้ห้องน้ำในสนามบิน

การเข้าห้องน้ำในสนามบินก็เช่นกัน เนื่องจากห้องน้ำสนามบินมีคนใช้จำนวนมาก ก่อนจะใช้ห้องน้ำก็อย่าลืมเช็ดทำความสะอาดชักโครกก่อน ด้วยน้ำยาทำความสะอาดให้ดี (ซึ่งทางสนามบินก็ได้มีการทำความสะอาดแบบ Deep Clean เช่นกัน) หลังจากทำธุระเสร็จเรียบร้อย ก็อย่าลืมล้างมือด้วยสบู่ให้สะอาดด้วยนะคะ

5.งดใส่เครื่องประดับที่ไม่จำเป็น

อีกหนึ่งข้อที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ "งดใส่เครื่องประดับที่ไม่จำเป็น" เนื่องจากการเดินทางไปต่างประเทศ เราต้องผ่านด่านตรวจ ผ่านเครื่องแสกนเมื่อถึงขั้นตอนการเข้าเครื่องแสกน เราต้องถอดเครื่องประดับออก และนำสิ่งของทุกอย่างวางไว้ในตะกร้า ฉะนั้นเมื่อหยิบสิ่งของออกจากตะกร้าแล้ว ควรเช็ดทำความสะอาดก่อนนำมาสวมใส่ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกา มือถือ หรือว่าเครื่องประดับอะไรก็ตามแต่ เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรค เชื้อไวรัส ที่อาจจะติดมาในขั้นตอนนั้น มาสัมผัสกับตัวเองหรือไปปะปนกับของอย่างอื่นในกระเป๋านั่นเองค่ะ

6.ใช้หลัก กินร้อน ใช้ช้อนกลาง ไม่ทานอาหารสุกๆ ดิบๆ

หากว่าต้องรอขึ้นเครื่องเป็นเวลานานๆ ต้องการจะเข้า lounge หรือเข้าร้านอาหารก็อย่าลืมใช้หลัก กินร้อน ใช้ช้อนกลาง ทานอาหารปรุงสุกใหม่ๆ ไม่ควรเลือกทานอาหารที่สุกๆดิบๆ ถึงแม้ว่าใจเราอยากจะทานซาซิมิมากแค่ไหน ก็ต้องอดใจไว้ก่อน
เพราะในตอนนี้เราควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีโอกาสการติดเชื้อ เช่น ทานอาหารไม่สุก หรือทานอาหารในที่ที่คนแออัดค่ะ เมื่อต้องการเช็ดปาก ให้เลือกใช้ทิชชู่ ที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่มิดชิด หรือเป็นทิชชู่ที่เรานำมาเองก็ได้เช่นกัน แต่ที่สำคัญ! ก่อนทานอาหารหรือก่อนจะหยิบจับอะไรเข้าปาก ควรล้างมือให้สะอาดก่อนทุกครั้งค่ะ

7.เปลี่ยนแมสค์ก่อนขึ้นเครื่องบิน

ก่อนขึ้นเครื่องบิน ควรเปลี่ยนแมสค์ เพื่อป้องกันเชื้อโรคที่อาจจะติดมากับแมสค์อันเดิมของเรา เปลี่ยนใส่อันใหม่ที่สะอาดก่อนขึ้นเครื่องบินจะดีกว่าค่ะ เพราะว่าถ้าเป็น long Flight จะได้ไม่เสี่ยงกับเหล่าเชื้อโรคที่ติดมากับแมสค์อันเดิม และอย่าลืม!! ทำความสะอาดมือด้วยเจลล้างมือก่อนเปลี่ยนแมสค์ทุกครั้งค่ะ

8.ต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา

อีกข้อที่สำคัญก็คือ ต้องมีสติ รับรู้อยู่ตลอด ว่าเมื่อเราอยู่ในสถานะการณ์ที่ไม่ปกติ สติจะช่วยควบคุมพฤติกรรมที่มักจะทำตามความเคยชิน เช่น การแคะขี้มูก ขยี้ตา หรือใช้มือแคะฟัน พยายามอย่าเอามือไปถูหน้า ขยี้ตา หรือเอามือเข้าปากเด็ดขาด หากมือนั้นยังไม่ผ่านการล้างทำความสะอาดด้วยเจลล้างมือ หรือสบู่

ซึ่งที่พูดมาทั้งหมดทั้งมวลนั้น สรุปวิธีหลักๆ เลยก็คือ 

1.ใส่แมสค์ให้ถูกวิธี เปลี่ยนแมสค์อย่างสม่ำเสมอ และไม่ใช้ Mask ซ้ำ
2.สวมแว่นตาเพื่อป้องกันดวงตาของเรา
3.รักษาความสะอาดด้วยการล้างมือด้วยสบู่หรือเจลบ่อยๆ
4.ทานอาหารปรุงสุกใหม่ๆ ไม่ทานอาหารสุกๆดิบๆ
5.แต่งตัวให้มิดชิด
6.มีสติอยู่เสมอ
แค่นี้ก็สามารถลดความเสี่ยงของการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า และโรคอื่น ๆ ได้แล้วล่ะค่ะ